เจ้าบ่าวหนีงานแต่ง เปิดใจ ยังรักเจ้าสาว แต่หนีเพราะเงินไม่พอไปสู่ขอ

คืบหน้าเจ้าสาวถูกเทงานแต่งที่ปราจีนบุรี ญาติฝ่ายผู้หญิงติดต่อเจ้าบ่าวได้แล้ว ยืนยันยังรักเจ้าสาว แต่หนีเพราะเงินไม่พอไปสู่ขอ ไม่กล้าสู้หน้าผู้ใหญ่ ขอนัดเคลียร์ 11 พ.ค.นี้ ที่ สภ.นาดี

บ่ายของวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ทางญาติของ น.ส.น้ำทิพย์ (สงวนนามสกุล) สาวโรงงานคนปราจีนบุรีที่ถูกเจ้าบ่าวเทงานแต่งงาน ได้พยายามโทรติดต่อกับเจ้าบ่าวที่อ้างว่าเป็นทหารยศจ่าสิบเอก โดยเจ้าตัวรับสายและใช้เวลาพูดคุยกันอยู่ประมาณ 5 นาที

โดยเบื้องต้นเจ้าบ่าวได้บอกว่า สาเหตุที่ตนเองหนีงานแต่งนั้นเพราะขาดเงินอยู่บางส่วน จึงไม่กล้าเข้ามาแต่งงาน ส่วนทางญาติเจ้าสาวก็ยืนยันว่าวันที่แต่งงานนั้นได้พูดคุยกันแล้วว่าเรื่องสินสอดเดี๋ยวค่อยคุยทีหลัง ให้เข้าพิธีให้เสร็จก่อนแล้วถึงเจรจากัน แต่ทำไมทางเจ้าบ่าวถึงเลือกที่จะหนี

เจ้าบ่าวหนีงานแต่ง กล่าวว่า เนื่องจากเงินตนไม่พอจนจึงไม่กล้าที่จะสู้หน้า จึงหนีมาตั้งหลักที่บ้านวังน้ำเขียว ก่อนที่จะประสานทางผู้ใหญ่ที่เป็นนายกอบต.เพื่อจะทำการเข้ามาเจรจาวันที่ 11 พ.ค. 65 นี้ โดยทางฝ่ายเจ้าสาวจึงได้สอบถามว่า ถามตรงๆ ว่ารักตนไหม ทางเจ้าบ่าวยังยืนยันว่ายังรักเจ้าสาวเสมอ และจะมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายและเคลียร์ใจทั้งหมดในวันที่ 11 พ.ค.นี้ เจ้าสาวจึงทิ้งท้ายไว้ว่า เดี๋ยววันที่ 11 พ.ค.นี้เจอกันที่ สภ.นาดี เพื่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันไป

ส่วนทางเจ้าสาวได้นำแชตที่พูดคุยเจรจาระหว่างจะมีพิธีสงฆ์โดยจับใจความได้ว่า ทั้งคู่ทะเลาะกับแม่เงินไม่พอให้ดำเนินการไปก่อนแล้วจะมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งที่เจ้าบ่าวอ้างว่าเคยทำงานให้ ก็ให้ข้อมูลกับทางโทรศัพท์ผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นเจ้าบ่าวนั้นเคยทำงานกับตนจริง แต่ไม่ได้มาทำงานเป็นประจำจะมาทำเป็นครั้งคราว ถ้าไม่มีงานจะโทรมาของาน ตนจะให้ทำงานเป็นเกี่ยวกับบอดี้การ์ดคอยดูแลตน

ในส่วนการแต่งงานนั้นเจ้าบ่าวเคยมาปรึกษาตน แต่ตนก็ให้ข้อมูลไปว่าผู้หญิงเคยแต่งงานมาแล้ว แค่ผูกข้อไม้ข้อมือก็พอ แต่ตนยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าบ่าวรายนี้ถึงไม่ฟังตน ไปจัดงานใหญ่โต แล้วสุดท้ายก็ได้เทงานไม่ยอมไปตามที่ตกลงไว้ โดยตนก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น ส่วนที่เจ้าบ่าวอ้างว่าเคยเป็นทหาร ก็พูดกับตนเหมือนกันว่าเคยเป็นทหารแต่ถูกปลดประจำการ ไม่แน่ใจว่าปีอะไร แต่ยังใช้ยศจ่าสิบเอกนำหน้าชื่อเสมอมา.

ขอบคุณไทยรัฐออนไลน์